แบล็คแจ็ค หรือว่าเกมส์ไพ่ 21 เป็นเกมส์ไพ่ที่ได้รับความสนใจและนิยมเล่นกันเป็นอันดับต้นๆของการ์ดเกมส์ เพราะว่าเป็นเกมส์ที่เล่นง่าย เข้าใจง่าย ไม่วุ่นวาย ไม่มีสูตรตายตัว แต่สามารถนำสูตรต่างๆมาใช้ได้ตลอด ก่อนหน้านี้เคยค้นพบว่ามีการเริ่มเล่นที่ทางยุโรป ในประเทศสเปนและประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ ค.ศ. 1700 ช่วงกลางๆ แต่ตอนนั้นใช้ชื่อว่า ไวนท์อัน ที่แปลว่า 21 ซึ่งเป็นชื่อที่ตรงตัวกติกาของเกมส์มากๆ ก่อนหน้านี้ การเดิมพันแบบนี้ ได้เล่นเพียงกลุ่มคนไม่กี่คนเท่านั้น และก็ได้มีการแพร่ขายเป็นอาณาจักรกว้างมาเรื่องๆเข้ามายังประเทศอเมริกา และประเทศอื่นๆทั่วโลก แม้ว่าจะช้าไปหน่อย แต่ว่าตอนนี้ทุกคนในโลกก็รู้จักเกมส์นี้กันหมดแล้ว และแม้ว่ามันจะเคยถูกเก็บเป็นเดอะซีเคร็ท แต่ว่ามันก็ได้ยอมรับให้เข้ามาเป็นหนึ่งในความบันเทิงของหลายๆ CASINO ทั้งภาคพื้นดิน, ภาคออนไลน์ และการสร้างให้เป็นโปรแกรมสำหรับใช้งานแข่งกับคอมพิวเตอร์อีกด้วย ที่สำคัญมันกลายเป็นเกมส์โปรดของหลายๆคนโดยทีคุณอาจจะไม่รู้ตัว จนผู้ชำนาญเริ่มสร้างกลยุทธ์แบล็คแจ็คเพื่อให้สามารถเอาชนะได้ง่ายขึ้น
เกมส์แบล็คแจ็ค ไม่ว่าจะที่ไหนๆ จะมีวิธีการเดิมพันที่เหมือนกันคือ จะใช้การคำนวณของหน้าไพ่เป็นหลัก แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ต้องแข่งกับเจ้ามือ มันก็ทำให้ไพ่ 52 ใบ จำนวน 1 สำรับ ได้รับความนิยมจนบ่อนการพนันบางแห่ง ได้เพิ่มไพ่มากกว่า 52 ใบ ซึ่งอาจจะเป็น 6 สำรับ หรือว่า 8 สำรับ ก็แล้วแต่ว่า แต่ละโต๊ะมีผู้เล่นมากเพียงใด ไม่ว่าจะใช้ไพ่กี่สำรับ แต่จุดประสงค์ในการเดิมพันก็คือ การรวมแต้มให้ได้ 21 หรือใกล้เคียง 21 มากที่สุด ใครที่เกิน 21 คือ 22 เป็นต้นไปคือจะแพ้ทันที แล้วแพ้แบบออโตเมติคไปเลย
วิธีการเล่นนั้น เริ่มจากการที่เจ้ามือจะแจกไพ่ รอบละ 1 ใบ ให้ครบ 2 รอบ โดยแจกตัวเจ้ามือเองเป็นคนสุดท้าย ไพ่ของเจ้ามือจะหงาย 1 ใบ และคว่ำ 1 ใบ เมื่อทุกคนได้ครบ 2 ใบแล้ว ก็ดูไพ่ของตัวเอง ขั้นต่ำของเจ้ามือคือ 17 ขั้นต่ำของผู้เล่นคือ 16 หากใครได้แต้มขั้นต่ำแล้ว จะหยุดหรือว่าขอต่อก็ได้ แต่ใครที่มีแต้มน้อยกว่านี้ ควรขอไพ่เพิ่ม จนกว่าแต้มของตัวเองจะใกล้ 21 มากที่สุด
กลยุทธ์แบล็คแจ็คในการนับแต้มหน้าไพ่ก็คือไพ่เอซ หรือว่า A มีค่า 11 หรือ 1 ไพ่ เค คิว เจ หรือว่าไพ่คิง ควีน แจ็ค จะมีค่า 10 ส่วนไพ่ตัวเลขต่างเช่น 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ก็มีค่าตามตัวเลขเหล่านี้เลย
สำหรับการเล่นแบล็คแจ็คจะมีการเรียก และการใช้คำศัพท์โดยเฉพาะบนโต๊ะพนัน เรียกว่าเป็นกลยุทธ์แบล็คแจ็คที่เอาไว้ใช้หลักๆคือ ฮิต ตัวย่อ เอช แปลว่าจั่วไพ่เพิ่ม, สแตนด์ ตัวย่อ เอส แปลว่าไม่ขอไพ่เพิ่ม, ดับเบิ้ล หรือว่า ฮิต ตัวย่อ ดีเอช คือการขอเพิ่มเงินสองเท่าเพื่อขอเรียกไพ่เพิ่ม, ดับเบิ้ลหรือว่าสแตนด์ ตัวย่อ ดีเอส คือการขอเพิ่มเงินสองเท่าแต่ว่าไม่ขอไพ่เพิ่ม, สปลิท ตัวย่อ เอสพี คือการแยกไพ่ สำหรับคนที่ได้ไพ่คู่เลขเดียวกัน, เซอร์เร็นเดอร์ หรือ ฮิต ตัวย่อ เอสยู คือการยอม หรือเพื่อที่จะขอจั่วเพิ่ม
ในส่วนของวิธีการเพิ่มเงินเดิมพันเป็นดับเบิ้ล หรือว่าการแยกไพ่ออกมาสำหรับคนที่ได้ไพ่คู่นั้น คือการที่ผู้ที่มีไพ่เหล่านั้นอยู่ในมือกำลังได้เปรียบ เช่นหากผู้เล่นมี 11 แต้มแล้ว และเจ้ามือมี เพียง 2-10 แต้ม, หากผู้เล่นมี 10 แต้มแล้ว แต่เจ้ามือมี 2-9 แต้ม, หากผู้เล่นมี 9 แต้ม หรือ เอซ 6 หรือ เอซ 7 และเจ้ามือมีเพียง 3-6 แต้มเท่านั้น, เมื่อผู้เล่นมีเอซ 4 หรือ เอซ 5 แล้วดีลเลอร์มีเพียงแค่ 4-6 แต้มเท่านั้น, เมื่อผู้เล่นมี เอซ 2 หรือ เอซ 3 แล้วเจ้ามือมีเพียง 5-6 แต้มเท่านั้น สามารถทำการแยกคู่ได้ แล้วเพิ่มเงินเดิมพัน แน่นอนว่ามันจะช่วยให้คุณมีโอกาสมีแต้มสูงในมือเพิ่มมากขึ้น และนี่ก็เป็นกลยุทธ์แบล็คแจ็คอย่างหนึ่งที่นักพนันหลายๆคนนำไปใช้กัน